วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

ประวัติ " แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ "





แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ มีนามจริงว่า นางเกลียว เสร็จกิจ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พุทธศักราช 2490 ที่ ต.วงน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตรของนายอัง และนางปลด เสร็จกิจ มีพี่น้อง 3 คน สมรสกับนายเสวี ธราพร มีบุตร 3 คน เป็น ชาย 1 คน และหญิง 2 คน เป็นผู้ที่มีความสนใจทางด้านการร้องเพลงพื้นบ้านมาตั้งแต่ปี๒๕๐๕ ขณะที่อายุประมาณ ๑๕ ปี โดยมีความชื่นชม และเฝ้าติดตามการขับร้องเพลงของแม่บัวผัน จันทร์ศรี (ศิลปินแห่งชาติ) และครูไสว วงษ์งาม อย่างใกล้ชิดและในที่สุดก็ได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อฝึกฝนการขับร้องเพลงกับครูเพลงทั้ง 2 ท่าน ด้วยความเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในทางการขับร้อง กอปรด้วยความมีไหวพริบปฏิภาณ และน้ำเสียงอันเป็นเลิศ อีกทั้งมีความมานะพยายามไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ทำให้แม่ขวัญจิตสามารถเรียนรู้วิธีการขับร้องเพลงพื้นบ้านประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพลงอีแซว จากแม่บัวผัน และเพลงแนวผู้ชายจากครูไสวได้เป็นอย่างดีภายในระยะเวลาไม่นาน แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ไม่เพียงมีความสามารถในด้านการขับร้องเพลงพื้นบ้านเท่านั้น ท่านยังมีความสามารถในการแต่งเพลงอีแซวได้อย่างเป็นเลิศอีกด้วย เนื่องจากท่านมีความรักในด้านการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วรรณคดีไทยเป็นพิเศษ จึงสามารถจดจำลีลาการประพันธ์และเค้าโครงเรื่องเหล่านั้นมาประพันธ์เป็นเพลงอีแซวได้อย่างไพเราะงดงาม แม่ขวัญจิตได้ออกตระเวนเล่นเพลงอีแซวเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และหาความรู้กับครูเพลงพื้นบ้านอีกหลายท่าน ทำให้ความสามารถของท่านพัฒนาขึ้นโดยลำดับจนเริ่มมีชื่อเสียง จากนั้นในช่วงประมาณปี 2510 ก็ได้หันไปสนใจการขับร้องเพลงลูกทุ่ง โดยได้เข้าเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งในวงดนตรีของครูจำรัส สุวคนธ์ และวงดนตรีของ ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ ตามลำดับ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เพลงลูกทุ่งที่ร้องอัดแผ่นเสียงเป็นเพลงแรกคือ เพลงเบื่อสมบัติ ตามด้วยเพลงดังอื่นๆ เช่น ลาน้องไปเวียดนาม ขวัญใจคนจน แม่ครัวตัวอย่าง ฯลฯ จากนั้นก็ได้แต่งเพลงเองอันได้แก่เพลง กับข้าวเพชฌฆาต น้ำตาดอกคำใต้ สาวสุพรรณ เป็นต้น เมื่อประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง อย่างกว้างขวางแล้ว ก็ได้จัดตั้งวงดนตรีลูกทุ่งของตนเองขึ้น โดยใช้ชื่อว่าวงขวัญจิต ศรีประจันต์ ซึ่งท่านได้นำเอาระบบแสง สี เสียง อันทันสมัยน่าตื่นตาตื่นใจมาใช้ในการแสดง อีกทั้งได้ประยุกต์เพลงอีแซว มาผสมผสานเข้ากับเพลงลูกทุ่งได้อย่างกลมกลืมทำให้ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ได้ใช้ชีวิตอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งจนกระทั่งถึงปี ๒๕๑๖ จึงได้ยุบวงแล้วหันกลับไปฟื้นฟูเพลงอีกแซวอีกครั้ง โดยในการกลับมา
ครั้งนั้น ท่านได้ตั้งใจ อย่างแน่วแน่ที่จะอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่ศิลปะพื้นบ้านแขนงนี้อย่างจริงจัง โดยนอกจาก การแสดงแล้ว ท่านยังอุทิศตนในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจ โดยได้ไปบรรยายและสาธิตการแสดงเพลงพื้นบ้านในสถานศึกษาต่างๆ ตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงมหาวิทยาลัย และยังคงปฏิบัติเช่นนี้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะเป็นศิลปินเพลงพื้นบ้านและเพลงลูกทุ่งที่มีความสามารถสูงยิ่งแล้ว แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ยังเป็นผู้ที่มีจิตใจเปี่ยมด้วยคุณธรรมอย่างน่าสรรเสริญ ตลอดชีวิตของการเป็นนักร้องเพลงพื้นบ้านและเพลงลูกทุ่ง ท่านได้อุทิศตนช่วยเหลืองานบุญงานกุศลต่างๆ มิเคยว่างเว้นทั้งงานราษฎร์ และงานหลวง อาทิ การช่วยรณรงค์เพื่อปราบปรามยาเสพย์ติด การรณรงค์ในเรื่องปัญหาโรคเอดส์ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติต่างๆ และการรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรด้านเพลงพื้นบ้านที่วิทยาลัยนาฎศิลปสุพรรณบุรี และสถานศึกษาต่างๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรี และถ่ายทอดความรู้ให้ผู้ที่สนใจได้สืบสานเพลงพื้นบ้านไว้เป็นจำนวนมากนับเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ที่มีทั้งความสามารถในด้านเพลงพื้นบ้านอย่างลึกซึ้ง และเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมผู้ได้บำเพ็ญประโยชน์เป็นอเนกประการต่อสังคม นับเป็นศิลปินที่ชาวสุพรรณบุรีภาคภูมิใจที่สุดท่านหนึ่ง
เกียรติยศ
พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้รับการประกาศเกียรติคุณให้เป็น ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะ(เพลงพื้นบ้าน) จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้รับคัดเลือกเป็นสื่อพื้นบ้านดีเด่นของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคกลางและสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพย์ติด
พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น นักร้องดีเด่นกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ ๒ จากเพลงกับข้าวเพชฌฆาต รับพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจัดงานโดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้รับโล่เกียรติคุณ ฐานะนักร้องลูกทุ่งดีเด่นของ จ.สุพรรณบุรี พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้รับการประกาศเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน- อีแซว)
ผลงานภาพยนตร์
เพลงสวรรค์นางไพร (2514) , จำปาทอง (2514) , น้องนางบ้านนา , จำปาสี่ต้น , กลัวเมีย , บุหงาหน้าฝน (2515) ,อยากดัง
มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. นอกจากนั้นยังเคยร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เป็นเพลงเด่นๆหลายเพลง อาทิ
“คิดถึงคนอยากดัง” , “รักชั่งกิโล” , “ผัวหาย” ฯลฯ
ผลงานการขับร้องเพลง
ผลงานการขับร้องเพลงด้านต่างๆ ของแม่ขวัญจิต ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนอกจาก ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกมากมาย แบ่งออกเป็นเพลงหลายประเภทดังนี้
ประเภทเพลงลูกทุ่ง ได้แก่ เพลงเศรษฐีสุพรรณ ก็นั่นนะซิ วุ้ยว้าย นางครวญ อ้อมอกเจ้าพระยา อายบาปอายบุญ ปิดทองพระ แห่ผ้าป่า แฟนหนังเร่ เสียงครวญจากชาวประชา ชวนน้องกลับอีสาน กับข้าวเพชฌฆาต ฯลฯ
ประเภทเพลงพื้นบ้าน ได้แก่ เพลงชุดปัญหาหัวใจ อานิสงส์ทอดกฐิน ประเพณีไทย น้ำตาหมอนวด ประวัติเมืองสุพรรณ อีแซวประยุกต์ พระมาลัยโปรดนรก พระคุณพ่อแม่ อานิสงส์บรรพชา ประเพณีแต่งงาน เต้นกำรำเคียวเกี่ยวมดตะนอย ฯลฯ
ประเภทเพลงแหล่ ได้แก่ แหล่มัทรีเดินดง แหล่ประวัตินาค แหล่กัญหาชาลี แหล่ทำขวัญนาค แหล่ถาม-ตอบพิธีแต่งขันหมาก แหล่ถาม-ตอบเรื่องการแต่งาน ฯลฯ

ประวัติ " ศรคีรี ศรีประจวบ "









สงอม ทองประสงค์ หรือ ศรคีรี ศรีประจวบ เกิดวันที่ 4 มีนาคม2487 ที่บ้านเลขที่ 13 บ้านหนองอ้อ ต. บางกระบือ อ.บางคณที จ.สมุทรสงคราม มีชื่อเล่นว่าน้อย เป็นบุตรนายมั่ง นางเชื้อ ทองประสงค์ ครอบครัวมีอาชีพทำน้ำตาลปี๊บมีพี่น้อง 6 คน เขาเป็นคนสุดท้อง เรียนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนพรหมสวัสดิ์สาธร หลังจบการศึกษาก็มาช่วยครอบครัวปาดตาล (มะพร้าว) โดย ระหว่างที่พักเหนื่อยอยู่บนยอดมะพร้าวก็มักจะร้องเพลงอยู่บนนั้น จนหายเหนื่อยแล้วค่อยทำงานต่อ เพลงที่ชอบร้องก็มี "เสือสำนึกบาป" , "ชายสามโบสถ์" เพราะตอนนั้นเพลงของ คำรณ สัมบุณนานนท์ กำลังฮิต ตอนนั้นเขาอยากเป็นนักร้องใจแทบขาด เวลาวงดนตรีของครู พยงค์ มุกดา มาแสดงใกล้บ้าน เขาก็ไปสมัครร้องเพลง แต่พอร้องให้ครูพยงค์ฟัง แกก็บอกว่าให้ไปหัดร้องมาใหม่ เขาพยายามอยู่ 2 ครั้ง ครูพยงค์ก็บอกว่ายังไม่ดี เขาเลยท้อและเลิกไปเอง จากนั้นพออายุ 20 ปี บวชได้พรรษาหนึ่งก็สึก ตอนนั้นพ่อแม่เขาไปซื้อไร่ทำสัปปะรดที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขาก็เลยย้ายไปที่นั่น แต่ ประวัติอีกกระแสบอกว่า เพราะรักครั้งแรกเป็นพิษขณะที่บวช เมื่อว่าที่พ่อตาให้ลูกสาวแต่งงานกับชายอื่น เขาจึงเตลิดหนีออกจากบ้านมาอยู่กับพี่ชายที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยพี่ชายแบ่งไร่สับปะรดให้ทำ จะอย่างไรก็ตาม ที่นี่ เขาได้เริ่มร้องเพลงอีกครั้ง โดยเข้าประกวดร้องเพลงตามงานวัด และคว้ารางวัลมากมาย จนเพื่อนชื่อ พยงค์ วงศ์สัมพันธ์ ชวนให้ร่วมวงที่เช่าเครื่องดนตรี และจ้างครูดนตรีจากที่ค่าย "ธนะรัชต์" มาสอน เพื่อสร้างความสนุกในหมู่บ้าน ต่อมาเมื่อคนรู้จักมากขึ้น จึงตั้งวง "รวมดาววัยรุ่น" ที่ต่อ มาเปลี่ยนชื่อเป็น "รวมดาวเมืองปราณ" รับงานแสดงทั่วไปตามบ้านที่ขายสับปะรดได้โดยไม่คิดเงินทอง ตอนนั้นศรคีรีร้องเพลงแบบรำวง และใช้ชื่อ "พนมน้อย" เพราะร้องเพลงของ พนม นพพร และศักดิ์ชาย วันชัย ต่อมาได้นำวงมาแสดงในงานปีใหม่ของจังหวัด "ประหยัด สมานมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ฟังเสียง และเห็นหน้าก็รักใคร่ชอบพอ จึงเปลี่ยนชื่อให้เป็น ศรคีรี ศรีประจวบ หลังจากนั้น วิจิตร ฤกษ์ศิลป์วิทยา คนอยู่ใกล้บ้านกันให้การสนับสนุนเพื่อสร้างวงดนตรีแข็งแรงขึ้นและพากันเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเช่าเวลารายการวิทยุยานเกราะจาก จำรัส วิภาตะวัธ พวกเขาวิ่งขึ้นล่องกรุงเทพฯ - ประจวบฯอยู่บ่อยๆ และก็ได้พบกับ เพลิน พนาวัลย์ ที่พาเขาไปพบ ครูไพบูลย์ บุตรขัน ที่บ้าน ตามคำขอร้องของศรคีรี เพื่อขอเพลงมาร้อง ภูพาน เพชรปฐมพร นักร้องที่ใกล้ชิดกับศรคีรีในวง “ รวมดาววัยรุ่น “ เล่าว่า ตอนไปขอเพลง ตอนนั้นครูมีนักร้องที่ดังมากคือ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เป็นลูกศิษย์เอกอยู่ ศรคีรีก็ร้องเพลงแนวเดียวกันกับรุ่งเพชร ครูไพบูลย์ก็จึงไม่ให้เพลง เขาจึงต้องเทียวไปเทียวมาอยู่หลายครั้ง จนครูใจอ่อน ประกอบกับตอนนั้นครูไพบูลย์ ผิดใจกับรุ่งเพชรด้วย เพลง แรกที่ได้มาคือ น้ำท่วม ตอนที่บันทึกเพลงนี้ น้ำเกิดท่วม จ. ประจวบคีรีขันธ์พอดี เสียหายอย่างมาก สับปะรดถูกน้ำท่วมทั้งหมด นอกจากนั้น ครูก็ยังให้เพลงมาอีก 3 เพลง คือ "บุพเพสันนิวาส" , "แม่ค้าตาคม" , "วาสนาพี่น้อย" สำหรับการบันทึกเสียงครั้งแรกนั้น ชุดแรกมีทั้งหมด6 เพลง คือ น้ำท่วม, บุพเพสันนิวาส, วาสนาพี่น้อย, แม่ค้าตาคม, พอหรือยัง และบางช้าง งานนี้ ศรคีรี เปลี่ยนสภาพจากนักร้องเพลง รำวง มาเป็น นักร้องเพลงหวานโดยสมบูรณ์ หลังจากเพลง เริ่มเป็นที่รู้จัก ศรคีรีลงมาอยู่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่นำวงดนตรีมาด้วย โดยจะนำมาก็แต่เมื่อมีงาน ครั้งแรกในกรุงเทพฯ เขาเปิดการแสดงงานศพน้องชายครูไพบูลย์ที่วัดหลักสี่ บางเขน จากนั้นวงก็เริ่มรับงานในกรุงเทพฯ และเดินสายทั่วประเทศ ซึ่งในการออกเดินสายใต้เป็นครั้ง แรก วงประสบความสำเร็จอย่างงดงามจัดว่าเป็นวงที่มีค่าตัวแพงวงหนึ่ง ช่วงนั้นศรคีรีได้มีโอกาสแสดงหนังของ ครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ เรื่อง "มนต์รักจากใจ" ด้วย ต่อมา ศรคีรีมีชื่อเข้าไปพัวพันคดีสังหารคนในวงการด้วยกัน ชื่อเสียงจึงตกลงไปบ้าง แต่ในที่สุดก็พิสูจน์ตัวเองได้ และกลับมาอีกครั้งในเพลง "ตะวันรอนที่หนองหาร" "อยากรู้ใจเธอ" รักแล้งเดือนห้า" "ลานรักลั่นทม" และ "คิดถึงพี่ไหม" ซึ่งเพลงหลังนี้ ขณะบันทึกเสียงศรคีรีร้องโดยปิดไฟมืด ซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อน เพลงนี้แต่งโดย พยงค์ มุกดา โดย ทิว สุโขทัย เคยร้องไว้เป็นคนแรกและเสียชีวิตไปหลังจากที่ร้องไว้ไม่นาน และเพลงนี้ก็เป็นเพลงสุดท้ายที่ศรคีรีได้บันทึกเสียงไว้ด้วย ก่อน เสียชีวิต ศรคีรีเคยไปทำการแสดงที่โรงหนังเอกมัยราม่า มีคนนำเอาพวงมาลัยดอกไม้สด แต่คาดด้วยผ้าดำแบบที่ทำไว้สำหรับคนตายมอบให้บนเวทีขณะร้องเพลง ศรคีรีรับไว้ด้วยความเกรงใจ เมื่อกลับเข้าหลังเวที ศรคีรีสั่งเลิกการแสดงคืนนั้นทันทีทั้งที่ร้องเพลงได้เพียง 5 เพลง ด้วย วัยแค่ 32 ปี ศรคีรี ศรีประจวบ จากโลกนี้ไปเมื่อ 30 มกราคม 2515 ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ประมาณ 03.00 - 05.00 น.บริเวณริมถนนสายเอเชีย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ขณะเดินทางกลับจากการแสดงที่วัดหน้าพระธาตุ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อเปิดทำการแสดงที่วัดภาษี เอกมัย ในตอนค่ำ คาดว่าคนขับรถของศรคีรีเกิดง่วงนอน จึงจอดรถเก๋งโตโยต้าคราวน์ข้างทางเพื่อพักสักงีบ แต่ปรากฏว่ารถบรรทุกไม้ วิ่งมาด้วยความเร็วสูงประกอบกับบริเวณนั้นเป็นสะพานสูง เมื่อรถบรรทุกไม้วิ่งมาด้วยความเร็ว เมื่อถึงสะพานก็ทำให้รถกระโดดเสียหลัก ขึ้นไปทับรถของศรคีรี ทำให้เขาเสียชีวิตคาที่ หลัง แสดงวันนั้น ลูกวงได้ออกเดินทางมายังจุดนัดพบที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งก่อน แต่หลังจากที่ลูกวงรออยู่นาน หัวหน้าวงยังเดินทางมาไม่ถึง จึงออกเดินทางต่อ แต่วิ่งไปสักระยะหนึ่ง ก็มีรถพลเมืองดีวิ่งไล่ตามและเรียกให้จอด เพื่อแจ้งข่าวเรื่องการประสบอุบัติเหตุของรถของศรคีรี หลังพบใบปลิวการแสดงปลิวออกจากรถศรคีรีเกลื่อนกลาด หลังรถบัสวิ่งกลับไปก็พบศพดังกล่าว ข้อมูลบางแหล่งบอกว่า ศรคีรี เสียชีวิตประมาณ 8.00 น.ซึ่งเวลาดังกล่าวน่าจะเป็นเวลาพบศพมากกว่า ก่อนเสียชีวิต ศรคีรี สมรสแล้ว โดยมีบุตรธิดารวม 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 ชื่อ สมศักดิ์ ชนัญญา และสันติ
ครูไพบูลย์ บุตรขัน เคยเขียนไว้อาลัยการจากไปของศรคีรีว่า "แด่สุดรัก เธอเกิดมาเป็นผู้กล่อมโลก ฉันเป็นผู้ถ่ายทอดอารมณ์ บัดนี้เธอจากโลกไปแล้วเหลือเพียงเสียงเพลง ศรคีรี ศรีประจวบ ฉันเสียดาย เสียดายจริงๆ เพราะเธอควรจะอยู่กล่อมโลกให้นานกว่านี้ "

ประวัติ " ครูหวังเต๊ะ "











นายหวังดี นิมา หรือ เป็นที่รู้จักกันดีว่า “หวังเต๊ะ” เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2468 ปัจจุบันพักอาศัย ที่ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี หวังเต๊ะ เป็นศิลปินผู้มีความสามารถเป็นเลิศ ด้านศิลปะเพลงพื้นบ้าน มีความชำนาญเป็นพิเศษในการแสดงลำตัด โดยตั้งชื่อคณะว่า“ลำตัดหวังเต๊ะ” รับงานแสดงเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบันกว่า 40 ปี จนชื่อหวังเต๊ะแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ ของลำตัด กล่าว ได้ว่า หวังเต๊ะ เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์และสืบทอดศิลปะ การแสดงพื้นบ้าน ให้ยืนยงอยู่ได้อย่างน่า ภาคภูมิใจยิ่ง นอกจากนั้น ครูหวังเต๊ะ ยังเป็นศิลปินผู้มีคุณธรรมได้ใช้ศิลปะการแสดงเป็นสัมมาชีพอย่างซื่อสัตย์ตลอดมา ทั้งได้ถ่ายทอดศิลปะวิชาให้แก้ทั้งบุคคลในคณะและสถาบันต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ นับได้ว่า หวังเต๊ะ เป็นศิลปิน ที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ ทั้งด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะ อันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทย มาตลอด ระยะเวลายาวนาน จนได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน) ประจำปี 2531 ในบั้นปลายชีวิต ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จนกระทั่งถึงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ก็ถึงแก่กรรม สิริอายุได้ 87 ปี

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555


วันแม่



จุดกำเนิดของวันแม่แห่งชาติไปกลับไปสู่​​ยุคของกรีกโบราณและโรมัน But แต่รากของประวัติศาสตร์วันแม่นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบใน UK ที่เป็นมารดาอาทิตย์กำลังโด่งดังมากก่อนที่เทศกาลเห็นแสงของวันในสหรัฐ อเมริกา แต่การเฉลิมฉลองของเทศกาลตามที่เห็นในปัจจุบันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ผ่านมาและไม่ได้ร้อยปี ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักของหญิงผู้บุกเบิกครั้งของพวกเขาจูเลียวอร์ดฮาวและแอนนาจาร์วิสในวันนั้นมาเป็นชาติ วันนี้เทศกาลวันแม่ที่มีการเฉลิมฉลองทั่วทั้ง 46 ประเทศ (แต่ในวันที่แตกต่างกัน) และเป็นเรื่องที่นิยมอย่างมหาศาล ล้านคนทั่วโลกใช้เวลาวันเป็นโอกาสที่ให้เกียรติแม่ของพวกเขาขอบคุณพวกเขา สำหรับความพยายามของพวกเขาในชีวิตให้พวกเขายกให้พวกเขาและถูกสนับสนุนอย่าง ต่อเนื่องของพวกเขาและหวังเป็นอย่างดี

ประวัติความเป็นมาได้เร็วที่สุดของวันแม่
. ประวัติเก่าของวันแม่วันที่กลับไปงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิประจำปีโบราณชาวกรีกที่อุทิศตนเพื่อเทพธิดามารดา. ชาวกรีกที่ใช้ในโอกาสให้เกียรติ Rhea ภรรยาของโครนัสและแม่ของเทพเจ้าหลายตำนานเทพเจ้ากรีก . โบราณโรมันเกินไปฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่เรียกว่า Hilaria ทุ่มเทให้กับ Cybele, เทพธิดาแม่ มันอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าพิธีกรรมในเกียรติของ Cybele เริ่มบาง 250 ปีก่อนคริสตกาลเกิด การเฉลิมฉลองที่ทำเกี่ยวกับ IDEs ของเดือนมีนาคมโดยการถวายในพระวิหารของ Cybele กินเวลาสามวันและรวมเกมขบวนพาเหรดและ งานเฉลิมฉลองเป็นที่รู้จักมากพอที่ลูกศิษย์ของ Cybele ถูกขับออกจากกรุงโรม
คริสเตียนต้นการเฉลิมฉลองวันแม่ของทุกชนิดในช่วงเทศกาลเมื่อสี่อาทิตย์ของเข้าพรรษาในเกียรติของพระแม่มารีแม่ของพระ. ในประเทศอังกฤษในวันหยุดได้มีการขยายเพื่อรวมทั้งหมดของมารดา มันถูกเรียกว่าเป็นมารดาแล้วอาทิตย์
ประวัติความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติ: อาทิตย์เป็นมารดา
ประวัติล่าสุดของวันแม่วันที่กลับไป 1600s ในอังกฤษ. ที่นี่
เป็นมารดาอาทิตย์ กำลังโด่งดังเป็นประจำทุกปีเมื่อสี่อาทิตย์ของเข้าพรรษา (ระยะเวลา 40 วันนำไปสู่ ​​Easter) เพื่อเป็นเกียรติแก่มารดา บริการหลังการสวดมนต์ในโบสถ์เพื่อเป็นเกียรติแก่พระแม่มารีเด็กนำของขวัญและดอกไม้ที่จะจ่ายส่วยให้มารดาของตัวเอง
. เนื่องในโอกาส, คนรับใช้ฝึกหัดและพนักงานคนอื่น ๆ อยู่ห่างจากบ้านของพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากนายจ้างของพวกเขาไปเยี่ยมแม่ ของพวกเขาและพวกเขาให้เกียรติ. แต่เดิมเด็กมากับพวกเขาของขวัญและเค้กผลไม้พิเศษหรือขนมผลไม้ที่เต็มไปด้วยเรียกว่า และผู้คนในประเทศอื่น ๆ ได้สังเกตวันคล้าย
. ที่กำหนดเองของการฉลองเป็นมารดาเสียชีวิตอาทิตย์ออกเกือบสมบูรณ์โดยศตวรรษที่ 19 แต่วันต่อมาเป็นที่โด่งดังอีกครั้งหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ servicemen อเมริกันนำรัฐวิสาหกิจที่กำหนดเองและพาณิชยใช้มันเป็นโอกาสสำหรับการขาย
ประวัติความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติ: จูเลียวอร์ดฮาว
ความคิดของการเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการของวันแม่ในสหรัฐถูกเสนอครั้งแรกโดย
จูเลียวอร์ดฮาว ในปี 1872 กิจกรรมนักเขียนและกวีจูเลียยิงเพื่อชื่อเสียงกับเพลงที่มีชื่อเสียงของเธอสงครามโยธา, "สวดรบของสาธารณรัฐ". จูเลียวอร์ดฮาวบอกว่า 2 มิถุนายนจะมีการเฉลิมฉลองเป็นประจำทุกปีเป็นวันแม่และควรจะอุทิศตนเพื่อความสงบสุข 1870. เธอเขียนอุทธรณ์หลงใหลให้กับผู้หญิงและกระตุ้นให้พวกเขาลุกขึ้นต่อสู้สงครามในที่มีชื่อเสียงของเธอ ประกาศวันแม่ ที่เขียนในบอสตันในปี 1870 เธอยังได้ริเริ่มการปฏิบัติวันแม่ 'สันติภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่สองในเดือนมิถุนายนในบอสตันและจัดประชุมเป็นเวลาหลายปี จูเลียอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยปกป้องสาเหตุของการเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการของวันแม่และการประกาศของวันหยุดราชการในวันที่ . ความคิดของเธอแพร่กระจาย แต่ก็ถูกแทนที่ในภายหลังโดยในวันหยุดวันแม่ 'เฉลิมฉลองในขณะนี้พฤษภาคม

ประวัติความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติ: แอนนาจาร์วิส
. แอนนาจาร์วิสได้รับการยอมรับในฐานะผู้ก่อตั้งของวันแม่ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่า
แอนนาจาร์วิส ไม่เคยแต่งงานและไม่เคยมีเด็กเธอเป็นที่รู้จักกันเป็นแม่ของวันแม่, ชื่อ apt สำหรับผู้หญิงที่ทำงานอย่างหนักเพื่อประทานเกียรติกับแม่ทั้งหมด
. แอนนาจาร์วิสได้แรงบันดาลใจจากการเฉลิมฉลองวันแม่จากแม่ของนางเธอเองแอนนามารีรีฟส์จาร์วิสในวัยเด็กของเธอ ผู้ปฏิบัติงานกิจกรรมและสังคมนางจาร์วิสที่ใช้ในการแสดงความปรารถนาของเธอ ว่าสักวันหนึ่งใครบางคนต้องให้เกียรติมารดาทุกชีวิตและความตายและการจ่าย ส่วยให้ผลงานที่ทำโดยพวกเขา
ลูกสาวที่รัก, แอนนาไม่เคยลืมแม่ของเธอคำและเมื่อแม่ของเธอเสียชีวิตในปี 1905 เธอได้รับการแก้ไขเพื่อตอบสนองความต้องการของมารดาของเธอจากการมีวันแม่ ทัศนคติที่ละเลยการเจริญเติบโตของชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีต่อมารดา และความปรารถนาที่จะให้เกียรติมารดาของเธอที่เพิ่มสูงขึ้นความทะเยอทะยานของ เธอ
เพื่อเริ่มต้นกับแอนนาส่ง
Carnations ในการให้บริการคริสตจักรในกราฟตัน, เวสต์เวอร์จิเนียเพื่อเป็นเกียรติแก่แม่ของ เป็นมารดาของเธอที่ชื่นชอบดอกไม้และแอนนารู้สึกว่าพวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของมารดารักที่บริสุทธิ์ ต่อมาแอนนาพร้อมด้วยผู้สนับสนุนของเธอเขียนจดหมายไปถึงผู้คนในตำแหน่งของการ ล็อบบี้พลังงานสำหรับการประกาศอย่างเป็นทางการของวันหยุดวัน การทำงานอย่างหนักจ่ายเงินออก โดย 1911, วันแม่แห่งชาติกำลังโด่งดังในเกือบทุกรัฐในสหภาพทุกเมื่อ 8 พฤษภาคม 1914 ประธานาธิบดีวูดโรว์วิลสันลงนามในมติร่วมกำหนดวันอาทิตย์ที่สองพฤษภาคมเป็น วันแม่
ประวัติความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติ: ฉลองวันที่อยู่ปัจจุบัน
. วันนี้วันแม่มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ, อังกฤษ, อินเดีย, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, อิตาลี, ตุรกี, ออสเตรเลีย, เม็กซิโก, แคนาดา, จีน, ญี่ปุ่นและเบลเยี่ยม. คนใช้วันเป็นโอกาสที่จะจ่ายส่วยให้แม่ของพวกเขาและขอบคุณพวกเขาสำหรับทุกความรักและการสนับสนุนของพวกเขา วันได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมหาศาลและในหลายประเทศโทรศัพท์สายการเข้าชมสูงสุด. นอกจากนี้ยังมีประเพณีของ gifting ที่บัตรดอกไม้และของที่ระลึกอื่น ๆ เพื่อแม่ในวันแม่ เทศกาลได้กลายเป็นเชิงพาณิชย์ในระดับที่ดี. จัดดอกไม้, ผู้ผลิตและผู้ขายบัตรของขวัญเห็นศักยภาพทางธุรกิจขนาดใหญ่ในวันและสร้างรายได้ดีผ่านแคมเปญการโฆษณาที่เข้มงวด
เป็นโชคร้ายที่จะทราบว่านางสาวแอนนาจาร์วิสที่อุทิศชีวิตของเธอสำหรับการ ประกาศวันหยุดวันแม่ได้รับบาดเจ็บอย่างล้ำลึกที่จะต้องทราบการค้าขนาดใหญ่ ของวัน


 France






ชื่อทางการ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (French Republic) 



เมืองหลวง ปารีส (Paris) 



ภาษาที่ใช้ ฝรั่งเศส 




ความเป็นมาของธงชาติประเทศฝรั่งเศส France


ฝรั่งเศสตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปยุโรป เป็นประเทศเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในทวีป และยังมีชื่อเสียงในเรื่องศิลปวัฒนธรรม
ธงชาติฝรั่งเศสมีที่มาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ในอดีตสีแดงและสีน้ำเงินเป็นสีของกรุงปารีส สีขาวเป็นสีของราชวงศ์บูร์บง แต่ปัจจุบันทั้งสามสีรวมกัน หมายถึง เสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


Antoine de Saint-Exupéry. Qui c'est?


Antoine de Saint-Exupéry

เป็นนักเขียนและนักบินชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1900 มีงานเขียนเป็นจำนวนมากในภาษาฝรั่งเศส ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "เจ้าชายน้อย" Antoine de Saint-Exupéry หายสาบสูญขณะบินลาดตระเวนอยู่เหนือน่านฟ้าแอฟริกาเหนือเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1944
ในปี ค.ศ. 1998 ชาวประมงชื่อ ฌ็อง-โกลด บีย็องโก ชาวฝรั่งเศส ได้พบชิ้นส่วนที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นสร้อยข้อมือของแซ็งแตกซูว์เปรี ขณะจับปลาอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมาร์แซย์ ในปี ค.ศ. 2000 นักประดาน้ำชื่อ ลุก ว็องแรล ได้พบซากของเครื่องบิน P-38 Lightning ซึ่งทางการฝรั่งเศสได้กู้ขึ้นมา และยืนยันว่าเป็นเครื่องบินลำที่แซ็งแตกซูว์เปรีเป็นนักบิน 
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008 นักบินขับไล่ชาวเยอรมันชื่อ Horst Rippert วัย 88 ปี ได้ออกมายืนยันว่า เขาเป็นนักบินที่ทำการลาดตระเวนในบริเวณที่พบซากเครื่องของแซ็งแตกซูว์เปรี ในคืนวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 และเป็นผู้ยิงเครื่อง P-38 Lightning ตกในคืนนั้น เขากล่าวว่าเขาเป็นแฟนหนังสือของแซ็งแตกซูว์เปรี และทราบในภายหลังสงครามว่าอาจจะเป็นผู้ยิงเครื่องบินของแซ็งแตกซูว์เปรีตก
ผลงาน

  • 1929 - Courrier sud (ไปรษณีย์ใต้)
  • 1931 - Vol de nuit (เที่ยวบินกลางคืน)
  • 1939 - Terre des Hommes (แผ่นดินของเรา)
  • 1942- Pilote de Guerre
  • 1943 – Le Petit Prince (เจ้าชายน้อย)
  • 1943 - Lettre à un Otage
  • 1948 - Citadelle

Fête de la France


Fête nationale de la France


...งานเทศกาลที่จัดกันในปัจจุบันล้วนเป็นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต หมู่บ้านแต่ละแห่งจะต้องมีงานฉลองของตน และในแต่ละเมืองจะต้องมีเทศกาลของดีของเด่นประจำปีไว้สนุกสนานกัน เช่น งานเดินขบวนคนยักษ์ (คนต่อขา) ของทางตอนเหนือของฝรั่งเศส งานคาร์นิวัลเมืองนีซ (Nice) งาน Ferias เมืองนีมส์ (Nîmes) และเมืองอาร์ล (Arles) งานประจำปีเมืองบายอน (Bayonne) หรือเมืองเบซิเยส์ (Béziers) ฯลฯ งานเหล่านี้เป็นที่รวมความสนุกสนานของชาวเมืองซึ่งยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นให้มาร่วมความบันเทิงด้วยกัน นอกจากงานเทศกาลต่างๆ ในเขตภูมิภาคแล้ว ฝรั่งเศสยังมีงานสำคัญประจำปีระดับชาติอีก งาน ซึ่งทุกเมืองจะเฉลิมฉลองพร้อมๆ กัน งานแรกคืองานวันชาติ 14 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันสำคัญที่เปิดตัวด้วยการสวนสนามของทหารเหล่าต่างๆ และจัดขึ้นอย่างใหญ่โตที่ถนนชองส์-เอลิเซ่ส์ (Champs-Elysées) อันเลื่องชื่อของปารีส พอถึงกลางคืนจะมีการจุดดอกไม้ไฟที่สวยงามตระการตา และมีงานเต้นรำที่สนุกสนานแบบฝรั่งเศสแท้ ส่วนตามเมืองใหญ่ๆ มักจัดการแสดงดนตรีกลางแจ้งให้ชมกันโดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู งานใหญ่งานที่สองคือ เทศกาลดนตรีซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 21 มิถุนายน เทศกาลนี้เปิดโอกาสให้คนรักดนตรีทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นได้แสดงความสามารถกันเต็มที่และสุดเหวี่ยงในท้องถนนและทุกหนทุกแห่ง นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเพลงคลาสสิค ละคร ละครสัตว์ และอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี เพียงเท่านี้คุณก็คงพอรู้แล้วว่าในฝรั่งเศสความสนุกสนานเพลิดเพลินนั้นไม่มีการเว้นวรรคจริงๆ